ภาวะความผิดปกติของการรับความรู้สึกบริเวณอวัยวะเพศและอุ้งเชิงกราน (Persistent Genital Arousal Disorder/Genitopelvic Dysesthesia : PGAD/GPD) | BSHC
เป็นความผิดปกติทางเพศในผู้หญิงที่พบได้ไม่บ่อยนัก มีลักษณะสำคัญคือ มีอาการรู้สึกไม่สบาย ปวด บวม ตึง หรือรู้สึกเต้นตุบ ๆ คล้ายมีอาการเสียวที่บริเวณอวัยวะเพศ เช่น คลิตอริส แคมใหญ่ แคมเล็ก ช่องคลอด ฝั่งอุ้งเชิงกราน หรือทวารหนัก อย่างต่อเนื่องและรุนแรง โดยเป็นอาการที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถควบคุมได้ และไม่ได้เกิดจากการมีอารมณ์หรือความต้องการทางเพศแต่อย่างใด อาการเหล่านี้มักส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก ทำให้รู้สึกอับอาย เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ หงุดหงิด ซึมเศร้า และอาจมีความคิดอยากฆ่าตัวตายได้ในรายที่มีอาการรุนแรง
สาเหตุของ PGAD/GPD ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางจิตใจ ความผิดปกติของหลอดเลือดหรือเส้นประสาทบริเวณอุ้งเชิงกราน ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาต้านเศร้า หรือการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในวัยทองของผู้หญิง
การวินิจฉัย PGAD/GPD จำเป็นต้องอาศัยการซักประวัติอย่างละเอียด การประเมินด้านจิตใจ การตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น การตรวจระดับฮอร์โมน การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงที่อวัยวะเพศและอุ้งเชิงกราน การทำ EEG CT หรือ MRI สมอง เป็นต้น
วิธีการรักษา PGAD/GPD มีหลากหลาย ได้แก่ การทำจิตบำบัด เช่น การจัดการความเครียด การทำสมาธิ การใช้ความเย็นหรือยาชาเฉพาะที่ การปรับเปลี่ยนหรือหยุดยาที่อาจก่อให้เกิดอาการ การใช้ยาต้านเศร้า ยากันชัก การฉีดสารอุดกั้นหลอดเลือดที่ผิดปกติ การผ่าตัดรักษาภาวะเส้นประสาทพูเดนดัลถูกกดทับ การทำ TENS หรือการผ่าตัดกระดูกสันหลังในกรณีที่พบความผิดปกติบริเวณรากประสาทไขสันหลังระดับก้นกบ (Sacral spine) เป็นต้น
โดยสรุป ภาวะความผิดปกติของการรับความรู้สึกบริเวณอวัยวะเพศและอุ้งเชิงกราน (PGAD/GPD) แม้จะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย แต่ก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทั้งในแง่สุขภาพกายและสุขภาพจิต โรคนี้ต้องการความเข้าใจและการยอมรับจากสังคม ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างรอบด้านทั้งทางกายและใจ ตลอดจนการค้นคว้าวิจัยที่มากขึ้นเพื่อหาสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง และแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ บุคลากรทางการแพทย์และผู้ให้การดูแลต้องมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และพร้อมให้การสนับสนุนผู้ป่วยในการรับมือและจัดการกับอาการของโรคนี้ เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น